ภูฏาน
ราชอาณาจักรภูฏาน
Kingdom of Bhutan
ข้อมูลทั่วไป

ที่ตั้ง ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันออกของเทือกเขาหิมาลัย ทิศเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือติดกับทิเบต ที่เหลือติดกับอินเดีย ไม่มีทางออกทะเล
พื้นที่ 38,394 ตารางกิโลเมตร (7.5% ของไทย)
เมืองหลวง กรุงทิมพู (Thimphu)
เมืองสำคัญ เมืองพาโร (Paro) เป็นที่ตั้งของสนามบินนานาชาติ เมืองพูนาคา (Punaka) เป็นเมืองหลวงเก่า ปัจจุบันใช้เป็นพระราชวังฤดูหนาว
ประชากร 774,800 คน (2558) คน ประกอบด้วย 3 เชื้อชาติ ได้แก่ 1) ชาชอฟ (Sharchops) ชนพื้นเมืองดั้งเดิม ส่วนใหญ่อยู่ทางภาคตะวันออก 2) นาล็อบ (Ngalops) ชนเชื้อสายทิเบต ส่วนใหญ่อยู่ทางภาคตะวันตก และ 3) โชซัม (Lhotshams) ชนเชื้อสายเนปาล ส่วนใหญ่อยู่ทางภาคใต้
ภูมิอากาศ มีความหลากหลาย บริเวณที่ราบตอนใต้มีอากาศแบบเขตร้อน บริเวณหุบเขาทางตอนกลางของประเทศมีอากาศร้อนและหนาวตามฤดูกาล ส่วนบริเวณเทือกเขาหิมาลัยมีอากาศหนาวจัดในฤดูหนาวและอากาศเย็นในฤดูร้อน
ภาษา ซงข่า (Dzongkha) เป็นภาษาราชการ ภาษาอังกฤษใช้เป็นสื่อกลางในสถาบันการศึกษาและในการติดต่อธุรกิจ ภาษาทิเบตและภาษาเนปาลมีใช้ในบางพื้นที่
ศาสนา ศาสนาพุทธมหายาน นิกายกายุบปา (Kagyupa) ซึ่งมีลามะเช่นเดียวกับทิเบต ร้อยละ 75 (ส่วนใหญ่เป็นชนเชื้อชาติชาชอฟ และนาล็อบ) และศาสนาฮินดู ร้อยละ 25 (ส่วนใหญ่เป็น
ชนเชื้อชาติโชซัมทางภาคใต้ของประเทศ)
ระบบการปกครอง ปกครองโดยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ปัจจุบัน คือ สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก
(His Majesty King Jigme Khesar Namgyel Wangchuck) ทรงมีพระราชพิธีบรมราชาภิเษกขึ้นเป็นสมเด็จพระราชาธิบดีองค์ที่ 5 แห่งภูฏาน เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2551
9. Trongsa Dzong
Trongsa Dzong ตั้งอยู่ในมณฑลตงซา เป็นป้อมปราการที่ใหญ่ที่สุดของประเทศภูฏาน มีสถาปัตยกรรมตามศิลปะภูฏานที่สวยงาม สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1648 บนแนวสันเขาสูงชัน บริเวณ Trongsa Dzong สามารถชมวิวของหุบเขาและแม่น้ำ Mangde Chhu ได้อย่างงดงาม ด้านในเงียบสงบ สามารถเดินเที่ยวชมได้อย่างสบาย ๆ
พื้นที่ 38,394 ตารางกิโลเมตร (7.5% ของไทย)
เมืองหลวง กรุงทิมพู (Thimphu)
เมืองสำคัญ เมืองพาโร (Paro) เป็นที่ตั้งของสนามบินนานาชาติ เมืองพูนาคา (Punaka) เป็นเมืองหลวงเก่า ปัจจุบันใช้เป็นพระราชวังฤดูหนาว
ประชากร 774,800 คน (2558) คน ประกอบด้วย 3 เชื้อชาติ ได้แก่ 1) ชาชอฟ (Sharchops) ชนพื้นเมืองดั้งเดิม ส่วนใหญ่อยู่ทางภาคตะวันออก 2) นาล็อบ (Ngalops) ชนเชื้อสายทิเบต ส่วนใหญ่อยู่ทางภาคตะวันตก และ 3) โชซัม (Lhotshams) ชนเชื้อสายเนปาล ส่วนใหญ่อยู่ทางภาคใต้
ภูมิอากาศ มีความหลากหลาย บริเวณที่ราบตอนใต้มีอากาศแบบเขตร้อน บริเวณหุบเขาทางตอนกลางของประเทศมีอากาศร้อนและหนาวตามฤดูกาล ส่วนบริเวณเทือกเขาหิมาลัยมีอากาศหนาวจัดในฤดูหนาวและอากาศเย็นในฤดูร้อน
ภาษา ซงข่า (Dzongkha) เป็นภาษาราชการ ภาษาอังกฤษใช้เป็นสื่อกลางในสถาบันการศึกษาและในการติดต่อธุรกิจ ภาษาทิเบตและภาษาเนปาลมีใช้ในบางพื้นที่
ศาสนา ศาสนาพุทธมหายาน นิกายกายุบปา (Kagyupa) ซึ่งมีลามะเช่นเดียวกับทิเบต ร้อยละ 75 (ส่วนใหญ่เป็นชนเชื้อชาติชาชอฟ และนาล็อบ) และศาสนาฮินดู ร้อยละ 25 (ส่วนใหญ่เป็น
ชนเชื้อชาติโชซัมทางภาคใต้ของประเทศ)
ระบบการปกครอง ปกครองโดยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ปัจจุบัน คือ สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก
(His Majesty King Jigme Khesar Namgyel Wangchuck) ทรงมีพระราชพิธีบรมราชาภิเษกขึ้นเป็นสมเด็จพระราชาธิบดีองค์ที่ 5 แห่งภูฏาน เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2551
หน่วยเงินตรา เงินงุลตรัม (Ngultrum) อัตราแลกเปลี่ยน 1 งุลตรัมประมาณ 0.53 บาท
เงินทุนสำรอง 1.245 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ, ไทย : 157.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
อุตสาหกรรมหลัก ผลิตไฟฟ้าจากเขื่อนพลังน้ำ
สินค้านำเข้าที่สำคัญ น้ำมันเชื้อเพลิงและหล่อลื่น ข้าว ธัญพืช เครื่องจักรและชิ้นส่วนรถยนต์ และผ้า
สินค้าส่งออกที่สำคัญ ยิปซั่ม ไม้ซุง สินค้าหัตถกรรม ปูนซีเมนต์ ผลไม้ พลังน้ำ อัญมณี และเครื่องเทศ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://sameaf.mfa.go.th/th/country/south-asia/detail.php?ID=6
ประเทศภูฏาน เป็นอีกหนึ่งดินแดนในฝันของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ด้วยที่นี่เป็นประเทศที่มีธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ ล้อมรอบไปด้วยขุนเขาหิมาลัย ป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ อีกทั้งชาวบ้านยังใช้ชีวิตกันแบบเรียบง่าย มีวัฒนธรรมประเพณีตามแบบทิเบตดั้งเดิมที่น่าสนใจ พร้อมทั้งยังมีสถานที่ท่องเที่ยวสวย ๆ ให้ได้ไปเที่ยวชมมากมาย
1. Tashichho Dzong
Tashichho Dzong สถานที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของภูฏาน ด้วยที่นี่เป็นที่ตั้งของที่ทำการรัฐบาลในปัจจุบัน และยังเป็นสถานที่ทำงานของพระมหากษัตริย์ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1952 Tashichho Dzong สร้างขึ้นตั้งแต่ในสมัยศตวรรษที่ 12 ซึ่งมีการปรับปรุงซ่อมแซมมาหลายครั้ง จนกระทั่ง King Jigme Dorji Wangchuck ได้มาบูรณะให้เสร็จสมบูรณ์สวยงามในปี ค.ศ. 1952 ล้อมรอบไปด้วยสวนสวย และภูเขาสูงใหญ่สง่างาม นอกจากนี้ในอาคารใกล้เคียงกันนั้นยังเป็นที่ประทับของสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก พระมหากษัตริย์องค์ปัจจุบันของภูฏานอีกด้วย

Tashichho Dzong สถานที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของภูฏาน ด้วยที่นี่เป็นที่ตั้งของที่ทำการรัฐบาลในปัจจุบัน และยังเป็นสถานที่ทำงานของพระมหากษัตริย์ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1952 Tashichho Dzong สร้างขึ้นตั้งแต่ในสมัยศตวรรษที่ 12 ซึ่งมีการปรับปรุงซ่อมแซมมาหลายครั้ง จนกระทั่ง King Jigme Dorji Wangchuck ได้มาบูรณะให้เสร็จสมบูรณ์สวยงามในปี ค.ศ. 1952 ล้อมรอบไปด้วยสวนสวย และภูเขาสูงใหญ่สง่างาม นอกจากนี้ในอาคารใกล้เคียงกันนั้นยังเป็นที่ประทับของสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก พระมหากษัตริย์องค์ปัจจุบันของภูฏานอีกด้วย
2. Taktsang Monastery
Taktsang Monastery หรือที่คนไทยมักจะเรียกกันว่า วัดทักซัง โดยมีชื่อเรียกอีกอย่างว่า วัดถ้ำเสือ เป็นวัดศักดิ์สิทธิ์ของชาวภูฏาน และมีชื่อเสียงโด่งดัง เป็นเอกลักษณ์หนึ่งที่ทำให้คนทั่วโลกรู้จักประเทศภูฏาน วัดทักซังตั้งอยู่ริมหน้าผาสูงในเมืองพาโร ซึ่งอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลมากถึง 3,120 เมตร โดยนักท่องเที่ยวจะต้องเดินเท้าขึ้นไปยังวัดทักซัง ตลอดเส้นทางจะผ่านป่าเขา ลำห้วย และหมู่บ้านที่สวยงาม เมื่อมองจากหมู่บ้านจะเห็นตัววัดอยู่ริมหน้าผาอย่างงดงาม มีสถาปัตยกรรมแบบวัดในทิเบต โดยมีหลังคาเป็นสีทองสว่างโดดเด่น และมีมนตร์เสน่ห์ ดูศักดิ์สิทธิ์ ที่นี่จึงเป็นที่เที่ยวสุดฮิตที่ใครไปภูฏานแล้วจะพลาดไม่ได้

Taktsang Monastery หรือที่คนไทยมักจะเรียกกันว่า วัดทักซัง โดยมีชื่อเรียกอีกอย่างว่า วัดถ้ำเสือ เป็นวัดศักดิ์สิทธิ์ของชาวภูฏาน และมีชื่อเสียงโด่งดัง เป็นเอกลักษณ์หนึ่งที่ทำให้คนทั่วโลกรู้จักประเทศภูฏาน วัดทักซังตั้งอยู่ริมหน้าผาสูงในเมืองพาโร ซึ่งอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลมากถึง 3,120 เมตร โดยนักท่องเที่ยวจะต้องเดินเท้าขึ้นไปยังวัดทักซัง ตลอดเส้นทางจะผ่านป่าเขา ลำห้วย และหมู่บ้านที่สวยงาม เมื่อมองจากหมู่บ้านจะเห็นตัววัดอยู่ริมหน้าผาอย่างงดงาม มีสถาปัตยกรรมแบบวัดในทิเบต โดยมีหลังคาเป็นสีทองสว่างโดดเด่น และมีมนตร์เสน่ห์ ดูศักดิ์สิทธิ์ ที่นี่จึงเป็นที่เที่ยวสุดฮิตที่ใครไปภูฏานแล้วจะพลาดไม่ได้
3. Paro Rinpung Dzong
พาโรริงปุงซอง เป็นอีกสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาดแห่งเมืองพาโร ที่นี่เป็นป้อมปราการและวิหารหลวงที่สำคัญแห่งภูฏาน สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1644 โดยมีสถาปัตยกรรมตามแบบศิลปะภูฏานดั้งเดิมที่สมบูรณ์แบบมากที่สุดแห่งหนึ่งในภูฏาน บริเวณทางเข้าป้อมปราการจะมีสะพานเล็ก ๆ ข้ามพาดแม่น้ำ บริเวณนี้จะเป็นที่ถ่ายรูปสุดฮิตของนักท่องเที่ยว เพราะจะสามารถมองเห็นวิวภูเขาที่งดงาม คู่กับป้อมปราการแห่งนี้ได้อย่างชัดเจน และนักท่องเที่ยวยังสามารถมาเที่ยวชมเทศกาล Tsechu ในช่วงเดือนมีนาคมหรือเมษายนได้ที่นี่อีกด้วย

4. Dochula Pass
โดชูลาพาส ตั้งอยู่บนเส้นทางระหว่างเมืองพูนาคาและเมืองทิมพู เป็นสถานที่สำคัญแห่งหนึ่งของชาวภูฏาน มีเอกลักษณ์สำคัญคือมีสถูปเล็ก ๆ ล้อมรอบเจดีย์ใหญ่ รวม 108 สถูปด้วยกัน สร้างโดย Her Majesty Ashi Dorji Wangmo Wangchuck ไม่เพียงแต่สถาปัตยกรรมสวยงามแปลกตาเท่านั้น แต่บริเวณนี้ยังเป็นสถานที่ชมวิวเทือกเขาหิมาลัยที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งของภูฏานอีกด้วย ซึ่งหากไปเยือนในช่วงวันหยุด หรือเสาร์-อาทิตย์ ก็จะเห็นชาวภูฏานพากันมาพักผ่อน นั่งปิกนิกกันในสวนของที่นี่

โดชูลาพาส ตั้งอยู่บนเส้นทางระหว่างเมืองพูนาคาและเมืองทิมพู เป็นสถานที่สำคัญแห่งหนึ่งของชาวภูฏาน มีเอกลักษณ์สำคัญคือมีสถูปเล็ก ๆ ล้อมรอบเจดีย์ใหญ่ รวม 108 สถูปด้วยกัน สร้างโดย Her Majesty Ashi Dorji Wangmo Wangchuck ไม่เพียงแต่สถาปัตยกรรมสวยงามแปลกตาเท่านั้น แต่บริเวณนี้ยังเป็นสถานที่ชมวิวเทือกเขาหิมาลัยที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งของภูฏานอีกด้วย ซึ่งหากไปเยือนในช่วงวันหยุด หรือเสาร์-อาทิตย์ ก็จะเห็นชาวภูฏานพากันมาพักผ่อน นั่งปิกนิกกันในสวนของที่นี่
5. Punakha Dzong

พูนาคาซอง ได้ชื่อว่าเป็นป้อมปราการที่งดงามที่สุดในประเทศภูฏาน มีสถาปัตยกรรมแบบทิเบตที่สมบูรณ์แบบ สร้างขึ้นในจุดที่แม่น้ำโพและแม่น้ำโมมาบรรจบกันที่เมืองพูคา จึงมีทัศนียภาพโดยรอบที่งดงาม พูนาคาซอง สร้างขึ้นโดย Zhabdrung Ngawang Namgyel ในปี ค.ศ. 1637 ที่นี่เคยใช้เป็นที่ทำการของรัฐบาลก่อนที่จะย้ายที่ทำการไปยังเมืองทิมพู ถือได้ว่าเป็นสถานที่สำคัญของชาวภูฏานและเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาดเลยทีเดียว

6. National Memorial Chorten
National Memorial Chorten คือสถูปเก่าแก่และศักดิ์สิทธิ์ของประเทศภูฏาน ตั้งอยู่ที่เมืองทิมพู สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1974 เพื่อถวายพระเกียรติแด่ His Majesty Jigme Dorji Wangchuck กษัตริย์รัชกาลที่ 3 ของภูฏาน โดยตัวสถูปเจดีย์มีสีขาว สวยงามโดดเด่น โดยรอบเป็นภูเขา เงียบสงบ เมื่อนักท่องเที่ยวไปเยือนที่นี่จะเห็นชาวบ้านมาเดินสวดมนต์ภาวนารอบ ๆ เจดีย์ด้วยความเงียบสงบ ลมจะพัดเบา ๆ มีเสียงระฆังดังกังวานตลอดทั้งวัน เป็นสถานที่พักจิตใจที่ดีอีกแห่งหนึ่งของภูฏาน

National Memorial Chorten คือสถูปเก่าแก่และศักดิ์สิทธิ์ของประเทศภูฏาน ตั้งอยู่ที่เมืองทิมพู สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1974 เพื่อถวายพระเกียรติแด่ His Majesty Jigme Dorji Wangchuck กษัตริย์รัชกาลที่ 3 ของภูฏาน โดยตัวสถูปเจดีย์มีสีขาว สวยงามโดดเด่น โดยรอบเป็นภูเขา เงียบสงบ เมื่อนักท่องเที่ยวไปเยือนที่นี่จะเห็นชาวบ้านมาเดินสวดมนต์ภาวนารอบ ๆ เจดีย์ด้วยความเงียบสงบ ลมจะพัดเบา ๆ มีเสียงระฆังดังกังวานตลอดทั้งวัน เป็นสถานที่พักจิตใจที่ดีอีกแห่งหนึ่งของภูฏาน
7. Changangkha Lhakhang
ใครมาเยือนเมืองทิมพูต้องไม่พลาดไปทำบุญที่วัด Changangkha Lhakhang ซึ่งตั้งอยู่บนยอดเขาทางด้านเหนือของเมืองทิมพู สร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 12 สร้างขึ้นโดย Lama Phajo Drukgom Shigpo มีสถาปัตยกรรมที่สวยงามตามแบบศิลปะทิเบต โดยจะมีชาวภูฏานขึ้นมาสวดมนต์ภาวนาขอพรกันทุกวัน
ใครมาเยือนเมืองทิมพูต้องไม่พลาดไปทำบุญที่วัด Changangkha Lhakhang ซึ่งตั้งอยู่บนยอดเขาทางด้านเหนือของเมืองทิมพู สร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 12 สร้างขึ้นโดย Lama Phajo Drukgom Shigpo มีสถาปัตยกรรมที่สวยงามตามแบบศิลปะทิเบต โดยจะมีชาวภูฏานขึ้นมาสวดมนต์ภาวนาขอพรกันทุกวัน
8. National Museum of Bhutan
พิพิธภัณฑ์แห่งชาติภูฏาน ตั้งอยู่ที่เมืองพาโร โดยเป็นที่เก็บรวบรวมสิ่งของสำคัญ วัตถุโบราณของประเทศภูฏาน รวมทั้งยังจัดแสดงเรื่องราวและประวัติศาสตร์ของที่นี่ตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน มีการแบ่งโซนต่าง ๆ อย่างชัดเจน ทำให้ผู้เข้าชมได้เรียนรู้เรื่องราวของภูฏานอย่างง่ายดาย

ภาพจาก LifeInCaption / shutterstock.com
พิพิธภัณฑ์แห่งชาติภูฏาน ตั้งอยู่ที่เมืองพาโร โดยเป็นที่เก็บรวบรวมสิ่งของสำคัญ วัตถุโบราณของประเทศภูฏาน รวมทั้งยังจัดแสดงเรื่องราวและประวัติศาสตร์ของที่นี่ตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน มีการแบ่งโซนต่าง ๆ อย่างชัดเจน ทำให้ผู้เข้าชมได้เรียนรู้เรื่องราวของภูฏานอย่างง่ายดาย
9. Trongsa Dzong

ภาพจาก Soumitra Pendse / shutterstock.com
Trongsa Dzong ตั้งอยู่ในมณฑลตงซา เป็นป้อมปราการที่ใหญ่ที่สุดของประเทศภูฏาน มีสถาปัตยกรรมตามศิลปะภูฏานที่สวยงาม สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1648 บนแนวสันเขาสูงชัน บริเวณ Trongsa Dzong สามารถชมวิวของหุบเขาและแม่น้ำ Mangde Chhu ได้อย่างงดงาม ด้านในเงียบสงบ สามารถเดินเที่ยวชมได้อย่างสบาย ๆ
10. Punakha Suspension Bridge

ใครไปเยือนเมืองพูนาคาต้องหาเวลาไปเที่ยวชมสะพานแขวนแห่งนี้ ซึ่งเป็นสะพานแขวนสำหรับคนเดินที่ยาวที่สุดอันดับสองของภูฏาน โดยตั้งอยู่ใกล้กับ Punakha Dzong สะพานแขวนแห่งนี้ทอดข้ามแม่น้ำ Pho Chu โดยเชื่อมระหว่างเมืองพูนาคากับ Punakha Dzong นักท่องเที่ยวจะได้เห็นวิวสวย ๆ ของแม่น้ำและภูเขาที่โอบล้อมรอบ ๆ ที่นี่เป็นจุดถ่ายรูปธรรมชาติที่สวยอีกแห่งหนึ่งของเมืองพูนาคาด้วยเช่นกัน
ทั้งหมดนี้คือสถานที่ท่องเที่ยวแนะนำที่คุณไม่ควรพลาดเมื่อไปเยือนประเทศภูฏาน ซึ่งอันที่จริงแล้วดินแดนแห่งนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกมากมาย โดยเฉพาะเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ใครที่ชอบผจญภัยก็จัดประเทศนี้กันไปได้เลยค่ะ :)
หมายเหตุ : แก้ไขข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 17 ตุลาคม 2559
ทั้งหมดนี้คือสถานที่ท่องเที่ยวแนะนำที่คุณไม่ควรพลาดเมื่อไปเยือนประเทศภูฏาน ซึ่งอันที่จริงแล้วดินแดนแห่งนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกมากมาย โดยเฉพาะเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ใครที่ชอบผจญภัยก็จัดประเทศนี้กันไปได้เลยค่ะ :)
หมายเหตุ : แก้ไขข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 17 ตุลาคม 2559
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
parotaktsang.org, drukasia.com, tourism.gov.bt, drukasia.com, tourism.gov.bt, tourism.gov.bt, abto.org.bt, nationalmuseum.gov.bt, tourism.gov.bt, justgola.com
parotaktsang.org, drukasia.com, tourism.gov.bt, drukasia.com, tourism.gov.bt, tourism.gov.bt, abto.org.bt, nationalmuseum.gov.bt, tourism.gov.bt, justgola.com
ขอขอบคุณบทความจาก kapook.com http://travel.kapook.com/view141533.html